ขึ้นภูทอก จ.บึงกาฬ ชมวิว 360 องศา เที่ยวไหนดี จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก คาเฟ่น่านั่ง เที่ยวต่างประเทศ 5ที่เที่ยว backpackแบ็คแพค

ขึ้นภูทอก จ.บึงกาฬ ชมวิว 360 องศา

เที่ยวชมวิวสวย ๆ ไม่ใช่ที่ภาคเหนือเท่านั้น ยังมีอีกหลายที่ที่น่าสนใจ อย่างเช่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานของเรานั่นเอง จังหวัดบึงกาฬเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับเรื่องราวทางพุทธศาสนามายาวนาน

และมีจุดชมวิวสวยด้วย ทั้งน้ำตก ภูเขา แต่อาจยังไม่ดังเท่ากับที่อื่น ๆ เพราะยังเป็นจังหวัดน้องใหม่ที่เกิดขึ้นได้ไม่กี่ปี และจังหวัดบึงกาฬอยู่ห่างจากกรุงเทพพอสมควร

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดบึงกาฬก็คือ วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดภูทอก  เป็นสถธรรมสถานที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และมีเสน่ห์น่าไปเยี่ยมชม

ประวัติความเป็นมาวัดภูทอก

วัดภูทอกที่จะบอกเล่ากันวันนี้ ได้รับการก่อตั้งโดยพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่บำเพ็ญ ปฎิบัติธรรม ของพระภิกษุ สามเณร และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา วัดภูทอกสร้างขึ้นในราวปี 2483

โดยเริ่มจากการที่พระอาจารย์ได้ปักกรดเพื่อบำเพ็ญภาวนาในถ้ำบน ภูทอก ต่อมาด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านคำแคนจึงร่วมใจ สร้างบันไดขนาด 6 ชั้นขึ้น และสร้างเสนาสนะให้เพื่อให้เป็นที่พักสำหรับพระสงฆ์ขึ้นด้วย

และได้สร้างระบบน้ำประปาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพระและชาวบ้านที่มาทำบุญ ต่อมาทางกองทัพอากาศดอนเมืองได้ถวายเครื่องไฟฟ้าแรงสูง สำหรับใช้ภายในวัด

ลักษณะเด่นของวัดภูทอก

ภูทอก เป็นภาษาไทยภาคอีสาน ที่มีความหมายว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว เดียวดาย ภูทอกมี 2 ลูก คือภูทอกในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว ภูทอก มี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อย พื้นที่ที่เปิดให้เข้าชมได้จะเป็นในส่วนพื้นที่ขอภูทอกน้อย ที่จะเริ่มต้นด้วยการเดินเท้าขึ้นไปสู่ยอดภูทอก

                  ภูทอก มีจุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม คือสะพานไม้ และบันไดไม้ที่เวียนไปตามแนวรอบภูทอกแบบ 360 องศา ที่มีทั้งหมด  7 ชั้น เล่ากันว่าใช้เวลาในการสร้างถึง 5 ปีเต็ม ภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น แตกต่างกันดังนี้

ชั้นที่ 1-2 จะเป็นบันไดเพื่อขึ้นไปสู่

ชั้นที่ 3  เป็นบันได แบบเวียนรอบขึ้นเขารอบ ๆ มีป่าเขามีทางแยกซ้ายขวา ถ้าไปทางซ้ายจะสามารถลัดขึ้นชั้นที่ 5 ได้เลย แต่เป็นทางที่ชันมาก ต้องผ่านซอกหินที่เหมือนถ้ำ แต่ถ้าเลือกไปทางขวาจะเดินขึ้นสู่ชั้นที่ 4

 ชั้นที่ 4  จะเป็นสะพานที่วนรอบเขา จะเห็นเนินเขาเตี้ย ๆ เรียงรายสลับกัน ซึ่งเรียกจุดนี้ว่า ดงชมพู  อีกด้านมีลำธารไหลผ่านมีฝูงกาอาศัยอยู่มาก เรียกจุดนี้ว่า ภูรังกา และชั้นนี้เป็นชั้นสำหรับเป็นที่พักของแม่ชีด้วย

ชั้นที่ 5 ชั้นนี้เป็นชั้นกลาง เป็นพื้นส่วนที่สำคัญมาก ๆ ชั้นนี้จะมีศาลาใหญ่ ซึ่งเป็นที่เก็บสังขารของพระอาจารย์ จวน ชั้นกว้างขวาง ดูแล้วร่มเย็น เหมาะกับการนั่งสวดมนต์และปฏิบัติธรรม ที่ต้องการความเงียบสงบ

ชั้นที่ 6 เป็นจุดชมวิวิที่สวยที่สุด ในช่วงฤดูหนาวจุดนี้จะสามารถเห็นทะเลหมอกที่มีความสวยงามมาก ลอยอยู่เหนือทิวเขา    

ชั้นที่ 7 ชั้นนี้จะมีบันไดไม้พาดขึ้นมา เมื่อเดินขึ้นบันไดจะเจอทางแยก เพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 7 มีสองทาง สำหรับทางแรกจะค่อนข้างชัน และรกปกคลุมด้วยกิ่งไม้ แนะนำว่าควรใช้อีกทางที่อ้อมหน่อยแต่สะดวกกว่า ทางนี้จะอยุ่ทางขวา แต่สุดทางก็คือดาดฟ้าของชั้น 7  ที่มีลานกว้างเป็นพื้นป่าไม่รกมาก กินอาณาเขตถึงเกือบ 6 ไร่

การเดินทางไปภูทอก บึงกาฬ

ภูทอก อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายราว ๆ 180 กิโลเมตร เดินทางจากตัวเมืองใช้ถนนหมายเลข 212 มาทางอำเภอบึงกาฬแล้วเจอแยกให้เลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 222 ถึงทางแยกผ่านบ้านนาสิงห์ ผ่านหมู่บ้านสันทรายงามมุ่งหน้าสู่หมู่บ้าคำแคนเดินทางต่ออีก 19 กิโลเมตรถึงภูทอก

หากไปเที่ยวชมภูทอกแล้วอย่างลืมโพสต์ท่าสวย ๆ อัพโหลดโซเชียลให้เพื่อน ๆอิจฉากันนะคะ  เพราะที่นี่ทั้งสวยงานด้วยธรรมชาติแล้วยังมีสิ่งศักดิ์ให้สักการะบูชาด้วย

#เที่ยวชมภูทอก #วัดภูทอก #เที่ยวไทย