เมืองคูนคำ หมู่บ้านลับแลในประเทศลาวที่ต้องลุยถ้ำใต้น้ำเข้าไปในความมืดมิด
ประเทศไทยมีความเชื่อเกี่ยวกับเมืองลับแลอยู่ โดยในแต่ละพื้นที่นั้นจะกล่าวถึงเมืองลับแลที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าเป็นหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่จริงแต่ไม่มีใครเคยค้นพบมาก่อน บ้างก็ว่าเป็นหมู่บ้านต่างมิติที่ผู้คนต่างอาศัยอยู่เช่นเดียวกับเรา แต่หากเราหลุดเข้าไปแล้วจะไม่มีวันกลับออกมาได้อีกครั้ง สำหรับใครที่ชื่นชอบความลึกลับและความท้าทาย เราขอแนะนำเมืองคูนคำ หมู่บ้านลับแลในประเทศลาวที่มีทางเข้าสุดลึกลับ ต้องเดินลุยถ้ำใต้น้ำฝากความมืดเข้าไปจึงจะพบเจอ เมืองแห่งนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรไปดูกัน ภาพปกจาก : https://pantip.com/topic/30219766 พาเที่ยวเมืองคูนคำ ดินแดนลับแลในประเทศลาวที่เต็มไปด้วยการผจญภัย https://mgronline.com/travel/detail/9640000115135 กลายเป็นกระแสโซเชียลอยู่พักหนึ่งหลังจากที่พระรูปหนึ่งได้ออกมาโพสต์ภาพบรรยากาศในการเดินทางเข้าสู่บ้านสุดแสนจะลึกลับแห่งหนึ่งในประเทศลาวจนคนต่างขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านลับแล หมู่บ้านดังกล่าวคือเมืองคูนคำ ตั้งอยู่ในแขวงคำม่วน ประเทศลาว ซึ่งหากเราได้เห็นทางเข้าแล้วจะเข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดผู้คนจึงขนานนามเช่นนั้นให้กับเมืองแห่งนี้ เพราะเป็นเมืองที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ธรรมชาติอย่างแท้จริง ต้องเดินทะลุถ้ำที่มีน้ำไหลนองอยู่ตลอดเวลาเข้าไปข้างใน เป็นถ้ำที่มืดสนิท ต้องอาศัยแสงจากไฟฉายเท่านั้นที่ช่วยนำทางได้ ใช้เวลาเดินทางจากปากถ้ำที่มืดมิดออกมาสู่ภายนอกเป็นระยะเวลากว่า 45 นาทีเลยทีเดียว เมื่อทะลุมาอีกฝั่งหนึ่งจะพบกับที่ราบริมภูเขาที่ต้องเดินเท้าต่อไปบนเส้นทางโบราณเข้าสู่หมู่บ้านที่มีชื่อว่ากะตึบ เราจึงจะได้พบเข้ากับหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่จริง โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีประชากรทั้งหมด 13 ครัวเรือน ตัดขาดจากโลกภายนอก ใช้ชีวิตซ่อนตัวอยู่ในหุบเขามาเป็นระยะเวลายาวนาน ภายในหมู่บ้านนั้นเหมือนกับหมู่บ้านทั่วไปที่ยังคงมีร่องรอยอารยธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง มีวัดซึ่งเป็นศาสนสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในหมู่บ้าน ที่โดดเด่นก็คือวัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรเลยทีเดียว เป็นหมู่บ้านที่ลึกลับอย่างถึงขีดสุดและหากไม่มีใครเคยเอาเรื่องราวเหล่านี้มาโพสต์ลงบนโลกอินเทอร์เน็ตเราคงไม่มีวันได้รู้จักกับเมืองลับแลแห่งนี้อย่างแน่นอน เปิดเส้นทางการเดินทางเข้าไปเที่ยวในเมืองคูนคำ ดินแดนลับแลในประเทศลาว https://www.sanook.com/travel/1429989/ สำหรับใครที่อยากจะเดินทางไปท่องเที่ยวสัมผัสกับเมืองลับแลในประเทศลาวอย่างเมืองคูนคำนั้นสามารถเดินทางได้ใกล้ที่สุดจากฝั่งไทยบริเวณนครพนม-ท่าแขก จากนั้นให้เช่ารถเดินทางไปยังหมู่บ้านนาครก ซึ่งจะต้องให้ชาวบ้านที่ชำนาญพื้นที่เป็นผู้นำทางไปเท่านั้นจึงจะปลอดภัย จากนั้นทำการแจ้งเรือข้ามฝั่ง เดินทางลัดเลาะผ่านป่ารกช้าง หลังจากนั้นก็จะเดินทางมาถึงปากถ้ำที่เป็นทางเข้าหมู่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เราต้องเดินเท้าต่อเข้าไปภายในถ้ำทะลุออกไปอีกฝั่ง แล้วเดินผ่านเส้นทางโบราณเข้าไปจนถึงตัวหมู่บ้านอีกทีนึง LINK : […]
ป่าอาโอกิกาฮาระ สถานที่ท่องเที่ยวสุดอาถรรพ์ใกล้ภูเขาฟูจิในประเทศญี่ปุ่น
ชีวิตมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยเหตุการณ์เลวร้ายมากมายที่เราจะต้องเผชิญ สำหรับหลายคนที่ไม่สามารถแบกรับความรู้สึกที่ย่ำแย่ของตนเองได้ไหวและต้องการจะจบชีวิตของตนเองลงนั้นมีทางเลือกไม่มากมายอย่างที่เราคิด สำหรับชาวญี่ปุ่นที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกนั้นจึงมีสถานที่อยู่แห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการจบชีวิตของตนเอง นั่นก็คือป่าอาโอกิกาฮาระนั่นเอง ป่าแห่งนี้มีสถิติการฆ่าตัวตายสูงมาก ขนาดที่คนไปท่องเที่ยวเดินทางรับชมธรรมชาติยังสามารถบังเอิญเจอศพของผู้ที่จบชีวิตตนเองได้ ทำให้มีการเรียกขานสถานที่แห่งนี้ว่าป่าฆ่าตัวตายในภายหลัง สำหรับใครที่สนใจวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ให้มากขึ้นกัน https://www.pptvhd36.com/news ทำความรู้จักกับป่าอาโอกิกาฮาระ ป่าฆ่าตัวตายที่เต็มไปด้วยอาถรรพ์ในญี่ปุ่น “ชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า” กฎเหล็กก่อนเที่ยว ป่าอาโอกิงาฮาระ ตำนานป่าอาถรรพณ์ที่เชื่อมโยงเหตุฆ่าตัวตาย สำหรับใครที่ชื่นชอบการรับชมสื่อบันเทิงในญี่ปุ่นมักจะเคยได้ยินชื่อของป่าฆ่าตัวตายหรือป่าอาโอกิกาฮาระมาก่อน เพราะสถานที่แห่งนี้มักอยู่ในฉากสำคัญเป็นประจำ ความจริงแล้วป่าแห่งนี้เป็นเส้นทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมสำหรับสายเดินป่าหรือปีนเขาเป็นอย่างมากเนื่องจากมีความสวยงามจนได้รับฉายาว่าท้องทะเลแห่งผืนป่าเลยทีเดียว ตลอดทั้งพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ มันควรจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ แต่กลับมีผู้คนไม่น้อยที่เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อจบชีวิตของตนเอง ผืนป่าดังกล่าวนั้นมีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 30 ตารางกิโลเมตรบริเวณใกล้กับเชิงเขาฟูจิทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ป่าแห่งนี้มีตำนานพื้นบ้านเล่าขานเกี่ยวกับความอาถรรพ์และจิตวิญญาณที่ดำมืด มีคนชื่อว่าป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ได้ดึงดูดผู้คนให้เลือกเข้ามาจบชีวิตของตนเอง ทำให้กลายเป็นสถานที่ปลิดชีวิตตัวเองเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานโกลเดนเกตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ในด้านของการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแล้วป่าแห่งนี้ก็นึกว่าเป็นป่าที่สมบูรณ์มากที่สุดอีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น มีลักษณะเฉพาะตัวเนื่องจากต้นไม้ขึ้นมาปกคลุมชั้นหินลาวาทำให้บรรยากาศมีความเงียบสงบและเย็นสบายตลอดทั้งปี พื้นป่าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเขียวเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าที่นิสัยสันโดษอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้เป็นจำนวนมากอีกด้วยอย่างเช่นตัวมิงค์ ตัวตุ่น หมูป่า หรือแม้แต่หมีดำ สิ่งที่ควรระวังเมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวยังป่าอาโอกิกาฮาระ พลังแห่งการรับฟังจะยับยั้งการเข้าป่าอาโอกิกาฮาระแห่งความตาย ป่าอาโอกิกาฮาระกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสายธรรมชาติชอบเดินป่าหรือแม้แต่สายชอบอาถรรพ์ความลี้ลับ อย่างไรก็ตามป่าแห่งนี้มีสัตว์ป่าที่น่ากลัวอย่างนี้ดำที่มักจะออกมาล่าเหยื่ออยู่เป็นประจำ เป็นสถานที่ที่ถูกปกคลุมด้วยหินลาวาที่มีคุณสมบัติของแม่เหล็กทำให้ GPS หรือเข็มทิศอาจใช้งานไม่ได้ในบางพื้นที่ จึงต้องเที่ยวชมอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญก็คือหากคุณโชคร้ายอาจจะต้องพบเจอกับผู้เสียชีวิตก็เป็นได้ ขอให้ตั้งสติแล้วทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาจัดการต่อเพียงเท่านั้น LINK : https://www.marumura.com/aokigahara-forest/ #ป่าอาโอกิกาฮาระ #เที่ยวป่าอาถรรพ์ […]
น้ำตกโจงถ่อ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ในพม่าที่สามารถเที่ยวได้จากฝั่งไทย
พม่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติเองก็ตาม แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือปัจจุบันประเทศดังกล่าวไม่ใช่ประเทศที่ปลอดภัยอีกต่อไปหลังจากที่มีการก่อการรัฐประหารจนทำให้มีการใช้อาวุธไปทั่วทุกหัวระแหง ถึงอย่างนั้นเชื่อว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่คิดถึงบรรยากาศในพม่า วันนี้เราจึงจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองเดินทางไปท่องเที่ยวยังน้ำตกโจงถ่อกัน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มหัศจรรย์ในพม่าแต่สามารถท่องเที่ยวได้จากทางฝั่งไทยด้วย สถานที่แห่งนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรไปดูกันเลย ภาพปก : www.sanook.com/travel/1432897/ เที่ยวน้ำตกโจงถ่อ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามในพม่าจากฝั่งไทย https://www.sanook.com/travel/1432897/ น้ำตกโจงถ่อสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพม่าที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่หากคุณต้องการเที่ยวพม่าในช่วงเวลานี้ให้ปลอดภัยมากที่สุดก็คงจะเป็นการเที่ยวจากฝั่งไทยนั่นเอง เพราะสถานการณ์ทางการเมืองของพม่ายังไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ การเดินทางไปเที่ยวในช่วงเวลานี้จึงไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร แห่งนี้มีความโดดเด่นตรงที่ตกมาจากหน้าผาที่โค้งรับกับแม่น้ำด้านล่างได้เป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกเหมือนกับมีมาตรน้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาก็ไม่ปาน นอกจากนี้ยังมีสีเขียวมรกตใสจนเห็นพื้นข้างล่างอีกด้วย สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณรัฐกะเหรี่ยงซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามของจังหวัดตากในประเทศไทย คนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ผ่านทางท่าเรือบ้านแม่ตะวอ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก น้ำตกแห่งนี้ช่วงเวลาที่น้ำเยอะนั้นจะมีความสวยงามเป็นพิเศษ เพราะน้ำใส แถมยังมีความเย็นสบาย สามารถรับชมเพื่อความผ่อนคลายสบายใจหรือจะลงไปเล่นก็ได้เช่นเดียวกัน มีมุมถ่ายรูปสวยงามมากมายไม่ว่าจะเป็นถ่ายรูปคนหรือถ่ายรูป LANDSCAPE เองก็ตาม สะท้อนให้เห็นถึงสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของพม่าได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปจังหวัดตาก สถานที่แห่งนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การเดินทางไปไม่น้อยเลยทีเดียว เที่ยวน้ำตกโจงถ่อ อย่างไรให้ปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง https://www.sanook.com/travel/1432897/ ในตอนนี้พม่ากำลังมีสถานการณ์ทางการเมืองที่ค่อนข้างร้อนแรง การเดินทางไปท่องเที่ยวจึงอาจจะไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ไม่เว้นแม้กระทั่งบริเวณชายแดนเองก็ตาม ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวน้ำตกโจงถ่อ ขอแนะนำให้อยู่ใกล้กับฝั่งไทยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณได้มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ควรอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวนานเกินไป และคอยระแวดระวังอยู่เสมอว่ารอบข้างมีอะไรเปลี่ยนแปลงที่ไม่น่าไว้วางใจหรือไม่ จะช่วยให้คุณปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม LINK : https://www.sanook.com/travel/1432897/ #เที่ยวน้ำตกโจงถ่อ #น้ำตกสวยพม่า #เที่ยวพม่าง่ายๆ
SHIN-YOKOHAMA RAMEN MUSEUM พิพิธภัณฑ์ราเมงที่คนรักราเมงห้ามพลาด
ญี่ปุ่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม วิถีชีวิต วัฒนธรรม และสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คืออาหารที่มีความโดดเด่นนั่นเอง หนึ่งในเมนูอาหารที่เชื่อว่าหลายคนชื่นชอบก็คงจะหนีไม่พ้นราเมง เป็นอาหารที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ หากได้ลองไปรับประทานที่ญี่ปุ่นดูสักครั้งรับรองว่าจะต้องติดใจอย่างแน่นอน แม้แต่คนญี่ปุ่นเองที่ชื่นชอบอาหารเมนูนี้ก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับราเมงขึ้นมาโดยเฉพาะเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่นนั่นก็คือ SHIN-YOKOHAMA RAMEN MUSEUM นั่นเอง สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จะน่าสนใจอย่างไรไปดูกัน ภาพปกจาก : https://www.japan-guide.com/e/e3202.html เที่ยว SHIN-YOKOHAMA RAMEN MUSEUM ดินแดนที่รวบรวมราเมนเอาไว้ในที่เดียว https://www.japan-guide.com/e/e3202.html SHIN-YOKOHAMA RAMEN MUSEUM เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รูปรวมข้อมูลและเรื่องราวเกี่ยวกับราเมนไว้ในที่เดียว ตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาหารขึ้นมาเป็นแห่งแรกของญี่ปุ่น ถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ในปี 1994 เพื่อนำเสนอประวัติความเป็นมาของราเมงโดยเฉพาะ ครบถ้วนทั้งเนื้อหาและรสชาติให้คุณได้สัมผัสกับตนเอง พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ชั้นด้วยการประกอบไปด้วยชั้นแรกที่จัดแสดงประวัติที่น่าสนใจเกี่ยวกับราเมง รูปรวมข้าวของที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ราเมงเอาไว้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นเส้น ช้อน ถ้วย ให้เราได้เห็นถึงวิวัฒนาการการพัฒนาของราเมงในญี่ปุ่นแต่ละยุคสมัย วัฒนธรรมการรับประทานอาหารชนิดนี้ในแต่ละพื้นที่ของญี่ปุ่นแตกต่างกันอย่างไร มีส่วนขายของที่ระลึกเกี่ยวกับราเมง สำหรับใครที่ต้องการปรุงราเมงรับประทานเป็นรสชาติของตนเองก็มีส่วน WORKSHOP ให้ได้ลองทำเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีโซนออกแบบดีไซน์ถ้วยราเมงตามความชื่นชอบของตนเองได้อีกด้วย ส่วนที่โดดเด่นมากที่สุดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือพื้นที่ชั้นใต้ดินทั้งสองชั้นซึ่งยกย่านราเมงมารวมเอาไว้ในที่เดียว สถาปัตยกรรมภายในนั้นเหมือนกับจำลองเมืองญี่ปุ่นแต่ละยุคสมัยที่มีการรับประทานราเมงแตกต่างกันออกไปให้เราได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เป็นบรรยากาศของเมืองชิตามาชิในปี 1958 ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของอาหารประเภทนี้นั่นเอง และยังมีการรวบรวมนำเอาร้านราเมงชื่อดังทั่วทั้งญี่ปุ่นมารวมกันเปิดขายในสถานที่แห่งนี้โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนร้านกันตลอดทั้งปีอีกด้วย […]
เมียนมาร์ ประเทศที่เต็มไปด้วยเมืองน่าท่องเที่ยวก่อนรัฐประหาร
ในตอนนี้สถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมาร์นั้นเรียกได้ว่ากำลังเข้มข้นและรุนแรง มีการเกิดเหตุความรุนแรงมากมายจากการปะทะกันระหว่างรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารและประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศดังกล่าวในช่วงเวลานี้จึงเป็นสิ่งที่อาจจะยังไม่สมควรจะเท่าไหร่ แต่ความเป็นจริงแล้วประเทศเพื่อนบ้านของเรานั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเองก็ตาม สำหรับใครที่คิดถึงวันนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวเมืองที่น่าท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านของเราก่อนรัฐประหารกัน ภาพปกจาก : vietnamtimes.org.vn/mrauk-u-the-forgotten รวมเมืองที่น่าท่องเที่ยวในเมียนมาร์ก่อนการรัฐประหาร https://en.wikivoyage.org/wiki/Pyin_U_Lwin MRAUK U เป็นเมืองโบราณที่เหมือนกับหยุดเวลาเอาไว้ ดินแดนแห่งนี้มีเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ หลายคนมักเดินทางไปเพื่อสัมผัสกับโบราณสถานและโบราณวัตถุในยุครุ่งเรืองของเมียนมาร์ เมืองแห่งนี้มีชื่อเล่นว่าพุกามย่อส่วน นั่นก็เป็นเพราะว่าเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณทางศาสนามากไหม เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศในยุคอดีต และได้รับการยกย่องจากทางยูเนสโกให้กลายเป็นมรดกโลกเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา PYIN OO LWIN เมืองสไตล์โคโลเนียลที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในยุโรปยุคก่อน การเดินทางก็น่าสนใจเพราะต้องนั่งรถไฟสายคลาสสิคออกจากเมืองมัณฑะเลย์ขึ้นไปทางทิศตะวันออกไม่ไกล ดินแดนแห่งนี้มีความน่าสนใจตรงที่สิ่งก่อสร้างขึ้นสถาปัตยกรรมนั้นเป็นแบบยุโรปยุคเก่า เป็นสถานที่พักตากอากาศของข้าหลวงอังกฤษในยุคล่าอาณานิคม ปัจจุบันคฤหาสน์น้อยหลังถูกเปลี่ยนให้เป็นรีสอร์ทเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว MERGUI หมู่เกาะแห่งนี้หลายคนอาจไม่รู้จักแต่ถ้าพูดถึงเกาะหัวใจมรกตเชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นหูกันดี มันคือหมู่เกาะที่น้ำทะเลนั้นเป็นสีเทอร์ควอยซ์แถมยังมีลักษณะเป็นรูปหัวใจอยู่ตรงกลางอีกด้วย จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเหล่านักเดินเรือและคนที่ชื่นชอบท้องทะเล ที่เดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ด้วยตาของตนเอง HSIPAW รถไฟที่ข้ามหุบเขาให้ความรู้สึกโรแมนติกเหมือนอยู่กับในนวนิยาย เป็นฉากในหนังสือชื่อดังอย่างสิ้นแสงฉาน ทำให้มีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวตามรอยเป็นจำนวนมาก ตัวสะพานเหล็กรถไฟนั้นสร้างขึ้นมาในยุคอาณานิคมของอังกฤษ ทอดยาวผ่านเหวความลึกกว่า 330 เมตรเลยทีเดียว ระยะทางรวมแล้วเกือบ 1 กิโลเมตร ประเทศเมียนมาร์ สถานที่ท่องเที่ยวที่อันตรายในช่วงเวลานี้ https://www.thesmilingseahorse.com/conservation-project-mergui.html ในสมัยก่อนรัฐประหารประเทศเมียนมาร์นั้นเป็นประเทศที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนได้เป็นอย่างดี แต่หลังการรัฐประหารของรัฐบาลทหารประเทศแห่งนี้ก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เกิดเหตุความรุนแรงไปทั่วทุกที่ไม่เว้นแม้กระทั่งในต่างจังหวัดเองก็ตาม ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวแต่อย่างใด […]
ทารานากิ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยราวกับประติมากรรม
ความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาตินั้นคือความยิ่งใหญ่ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมา มันอาจจะไม่ได้ดูสมบูรณ์แบบแต่ก็นับเป็นความสวยงามที่ไม่มีใครสามารถสร้างเลียนแบบขึ้นมาได้ มีพลังงานที่สามารถเยียวยาให้ผู้คนรู้สึกสงบและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงหันมานิยมท่องเที่ยวทางธรรมชาติกันเยอะมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงหลังที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดมากมาย หากคุณชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติวันนี้เราก็มีที่หนึ่งมาแนะนำกันนั่นก็คือทารานากิ ดินแดนธรรมชาติที่มีความสวยงามราวกับประติมากรรม New Zealand: Taranaki, The Pimple of the North Island ทำความรู้จักกับทารานากิ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในนิวซีแลนด์ New Zealand: Taranaki, The Pimple of the North Island ทารานากิเป็นชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่ามันตั้งอยู่ในญี่ปุ่น แต่ความเป็นจริงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ เป็นภูมิภาคหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสวยงามทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ จะเรียกว่ามันเป็นผลงานศิลปะที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมาก็ว่าได้ โดยเฉพาะหินสามพี่น้องซึ่งเป็นหินตั้งตระหง่านสูงราว 25 เมตรที่เรียงต่อกันเป็นแถว และยังมีหินช้างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับช้างตัวใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งอีกด้วย ความน่าสนใจก็คือหินสามพี่น้องนั้นแต่เดิมมีจำนวนมากกว่านี้ แต่ทั้งกระแสลมและคลื่นทะเลก็ได้กัดซ้อจนทำให้พี่น้องหนึ่งในนั้นหายไป เช่นเดียวกับหินช้างที่ในช่วงปี 2016 ต้องสูญเสียงวงไปอย่างน่าเสียดาย สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่ติดริมชายฝั่ง ดังนั้นสำหรับใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูป LANDSCAPE นั้นมันนับเป็นจุดมุ่งหมายที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก หรือแม้แต่นักเดินทางที่ชื่นชอบการผจญภัยตามหาความสวยงามทางธรรมชาติก็ตอบโจทย์เช่นเดียวกัน ทำให้เรารู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ และมนุษย์อย่างเรานั้นก็เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งให้โลกใบนี้มีความสมบูรณ์เท่านั้น อย่างไรก็ตามทะเลแห่งนี้ไม่ได้รับความนิยมในการลงไปเล่นแต่อย่างใด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางไปถ่ายรูปรับชมทัศนียภาพมากกว่า เปิดวิธีการเดินทางไปเยือนทารานากิ ดินแดนธรรมชาติสุดตระการตา https://venturenewzealand.co.nz/place/three-sisters-and-elephant-rock […]
สถานที่ท่องเที่ยวใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคโทโฮคุ สุดโรแมนติกท่ามกลางธรรมชาติ
ในช่วงเวลานี้แม้แต่ประเทศของเราเองก็เข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้เห็นชัดหรือไกลสุดลูกหูลูกตาเหมือนกับในต่างประเทศเพื่อความแตกต่างกันของสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบบรรยากาศสุดโรแมนติกท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี วันนี้เราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในภูมิภาคโทโฮคุมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองเดินทางไปกัน รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับความโรแมนติกท่ามกลางธรรมชาติอย่างดื่มด่ำแน่นอน https://www.sanook.com/travel/1433793/ รวมสถานที่ท่องเที่ยวรับชมใบไม้เปลี่ยนสีในเขตภูมิภาคโทโฮคุ ย้อนยุคท่องอดีตที่เมืองเกียวโตน้อยแห่งโทโฮคุ “คาคุโนะดาเตะ” บึง 5 สี โกชิคินุมะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่จะมอบวิวทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีที่แตกต่างออกไปให้กับคุณ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟูกูชิมะ ได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งดาวจากทาง MICHELIN GREEN GUIDE เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ภายในบึงน้ำจะมีสีสันที่หลากหลายเป็นที่มาของชื่อบึง 5 สี ตัดกับวิวทิวทัศน์ใบไม้สีส้มที่ขึ้นมาตามภูเขาได้เป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปรับชมก็คือกลางเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ภูเขาฮัคโคดะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณจะได้รับชมวิวทิวทัศน์ต้นไม้สีส้มที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งหุบเขาได้แบบเต็มตา ตั้งอยู่ในจังหวัดอาโอโมริ เป็นหนึ่งในร้อยภูเขาชื่อดังที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูง กิจกรรมที่เด่นมากที่สุดที่ไม่ควรพลาดก็คือการนั่งกระเช้าที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า 1.3 พันเมตร ให้คุณได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ธรรมชาติสุดตระการตาแบบ 360 องศาผ่านมุมสูง สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวใต้ตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนกันยายนจนถึงช่วงกลางเดือนตุลาคม หุบเขานารูโกะ ใครที่ชื่นชอบความโรแมนติกเป็นพิเศษเราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เลยเนื่องจากเป็นหน้าผาสูงชันที่ถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้สีส้มที่กำลังเปลี่ยนสี ทอดยาวกว่า 2.5 กิโลเมตร สถานที่ที่ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาดก็คือสะพานโอฟุคาซาวะ เป็นสะพานสไตล์คลาสสิคโบราณสีเบจที่ตัดกับวิวทิวทัศน์ใบไม้สีสันสดใสได้เป็นอย่างดี เวลาที่เหมาะแก่การเดินทางช่วงกลางเดือนตุลาคมไปจนถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่จำลองสภาพความเป็นอยู่สมัยยุคซามูไรเมื่อ 400 ปีที่แล้ว ให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมแบบย้อนยุคในญี่ปุ่นแบบเต็มตา สามารถสวมชุดกิโมโนนั่งรถลากเที่ยวชมรอบหมู่บ้านได้โดยเฉพาะ สามารถท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนตุลาคมจะถึงช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน […]
ถ้ำลาสโกซ์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะของมนุษย์ยุคหินที่มีอายุยาวนานมากกว่า 1.9 หมื่นปี
ศิลปะนั้นอยู่คู่กับมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย ก่อนที่พวกเราจะมีภาษาใช้เพื่อการสื่อสารเหมือนกับในทุกวันนี้เราจดบันทึกเรื่องราวด้วยการวาดรูปมาก่อนตามหลักฐานที่ปรากฏเป็นรูปวาดในถ้ำ ใครจะนึกฝันว่ารูปภาพของคนในยุคโบราณเหล่านี้จะกลายมาเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญในปัจจุบัน หากคุณเบื่อกับการเดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบธรรมดาทั่วไป วันนี้เราก็มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะจากมนุษย์ยุคหินที่มีอายุยาวนานมากกว่า 1.9 หมื่นปีมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองเดินทางไปกันนั่นก็คือถ้ำลาสโกซ์นั่นเอง สถานที่แห่งนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างไปดูกันเลย ภาพปกจาก : www.sarakadeelite.com/arts_and_culture ถ้ำลาสโกซ์ แหล่งศิลปะของมนุษย์ยุคหินที่หลงเหลือมาจนถึงในยุคปัจจุบัน https://today.line.me/th/v2/article/vXKB3r3 ถ้ำลาสโกซ์เป็นถ้ำที่มีการค้นพบในช่วงเดือนกันยายนปี 1940 โดยนักศึกษาชาวฝรั่งเศสพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนที่ได้เดินทางตามหาสุนัขที่หายเข้าไปในคลองลึกของหมู่บ้านแห่งหนึ่งบริเวณลุ่มแม่น้ำคอร์โตซ ทางตอนใต้ในฝรั่งเศส พวกเขาไม่คาดฝันเลยว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้ค้นพบนั้นคือพิพิธภัณฑ์ศิลปะยุคหินที่ไม่มีใครเคยค้นพบมาก่อนเลยเป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปี ภายในถ้ำไม่ว่าจะเป็นบริเวณผนังหรือบนเพดานนั้นเต็มไปด้วยภาพเขียนสีมากมายที่มีทั้งภาพสัตว์อย่างหมาป่า วัวป่าออรอกส์ วัวไบซัน หากรวมทุกภาพแล้วมีจำนวนมากกว่า 2 พันเลยทีเดียว หลังจากที่มีการตรวจสอบหลักฐานเพราะว่าภาพเขียนเหล่านี้มีอายุเกิน 1.9 หมื่นปี ทาง UNESCO ได้รับการจดขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว ภาพเขียนทั้งหมดจำนวนมากกว่า 2 พันภาพนั้นมีทั้งภาพสัตว์ป่า ผู้คน รวมไปถึงสัญลักษณ์นามธรรม แต่ที่เป็นจำนวนมากที่สุดคือภาพสัตว์ป่าที่มีจำนวนกว่า 900 ภาพ เราพบว่ามนุษย์ในยุคหินนั้นมีความสามารถในการจำแนกลักษณะของสัตว์ผ่านภาพวาดและยังมีการแบ่งประเภทของสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงอีกด้วย เราสามารถระบุชนิดสัตว์จากภาพได้มากกว่า 600 ภาพเลยทีเดียว มีการพยายามถอดความหมายของภาพที่ปรากฏบนถ้ำไม่ว่าจะเป็นรูปเหมือนหรือรูปสัญลักษณ์นามธรรมก็ตาม ดูเหมือนว่าผู้ที่เขียนรูปเหล่านี้ต้องการจะบอกว่ามนุษย์ยุคหินที่อยู่ในฝรั่งเศสใช้ชีวิตด้วยการเลี้ยงสัตว์และการล่าสัตว์ป่า ยังไม่มีปรากฏหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการเพาะปลูกแต่อย่างใด ในแง่ของศิลปะภาพเขียนเหล่านี้ได้ให้ข้อมูลอย่างเช่นการสร้างงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติหรือการวาดรูปเพื่อบันทึกเรื่องราว มีเทคนิคมากมายทั้งการเพ้นท์ ตัดเส้น พ่นสี โดยสีที่ใช้นั้นส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมาจากธรรมชาติอย่างดินหรือแร่ อยากเดินทางไปท่องเที่ยวยังถ้ำลาสโกซ์ ต้องทำอย่างไรบ้าง […]
เส้นทางขับรถทั่วโลก สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณจำเป็นต้องไป
เวลาเราออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศนั้นมีอยู่หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครก็จำเป็นจะต้องไปอย่างแน่นอนนั่นก็คือถนนหนทางนั่นเอง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบางเส้นทางที่จะนำพาเราไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวหรือเมืองต่างๆ ที่เราต้องการจะเดินทางไปนั้นก็นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามหรือมีความแปลกใหม่ รวมไปถึงมีกิจกรรมที่น่าสนใจตลอดการเดินทางให้เราได้สัมผัส แต่จะมีเส้นทางขับรถทั่วโลกที่ไหนบ้างที่มีความแปลกใหม่หรือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณควรไปสักครั้งในชีวิต วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกัน https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/658797 เปิดเส้นทางขับรถทั่วโลกที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ flickr.com/photos/94673770@N00/28905575221/ ทะเลทรายนามิบ เป็นเส้นทางทะเลทรายที่ตั้งอยู่ในประเทศนามิเบีย ไม่ต้องกังวลว่าจะยากลำบากเพราะถนนเป็นแบบลาดยางทอดผ่านระหว่างเมืองชายฝั่งทั้งสองแห่งในนามิเบีย แต่หากคุณต้องการการผจญภัยมากกว่านั้นก็สามารถข้ามอุทยานแห่งชาติสเปอร์เกบีเอต์ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากคุณจะต้องเดินทางผ่านทุ่งตายในทะเลทรายนามิบซึ่งมีบริษัททัวร์นำเที่ยวข้ามทะเลทรายดังกล่าวให้ทุกคนได้ลองเดินทางกัน เส้นทางแกรนด์เทตัน-เยลโลว์สโตน ถนนที่ตั้งอยู่ในรัฐไวโอมิง ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเส้นทางขับรถทั่วโลกที่เราอยากจะแนะนำสำหรับคนที่ชื่นชอบการชมธรรมชาติสัตว์โลกแบบใกล้ชิด เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่แถมยังมีน้ำพุร้อน และยังใกล้กับอุทยานแห่งชาติทางทิศใต้ ดังนั้นตลอดทั้งเส้นทางเราจึงจะได้เห็นสัตว์ป่ามากมายไม่ว่าจะเป็นแกะเขาใหญ่ วัวกระทิง หมีกริซลี่ โคโยตี้ หรือกวาง ถนนเป็นแบบคอนกรีตก็จริงแต่มีความขรุขระอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การไปผจญภัย เส้นทาง SUSTEN-GRIMSEL-FURKA LOOP เป็นถนนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ความโดดเด่นก็คือเป็นเส้นทางขึ้นเขาสูงเส้น ALPINE ที่ผ่านทั้งป่าเขียวชะอุ่มอุดมสมบูรณ์ มีธารน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว อ่างเก็บน้ำ และทัศนียภาพธรรมชาติที่กว้างใหญ่ สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดคือเส้นทางที่คดเคี้ยวค่อย ๆไต่ขึ้นภูเขาสูงไปเรื่อยๆ มันอันตรายถึงขั้นที่ในช่วงฤดูหนาวที่หิมะตกหนักจะมีการปิดเส้นทางดังกล่าวเลยทีเดียว สำหรับใครที่ไม่เมารถเราขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด เส้นทาง DEMPSTER HIGHWAY เป็นเส้นทางวัดใจทดสอบความกล้าที่ตั้งอยู่ในประเทศแคนาดา เป็นถนนลูกรังแยกนอกทางหลวงที่มีความคดเคี้ยวผ่านถิ่นทุรกันดารโบราณเป็นระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร เส้นทางนี้จะสิ้นสุดบริเวณเมืองทางตอนเหนือสุดอาร์กติกเซอร์เคิล ดังนั้นตลอดระยะทางมันจึงเต็มไปด้วยธรรมชาติที่คุณไม่สามารถขอความช่วยเหลือใครได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่จะได้รับก็คือประสบการณ์สุดหวาดเสียวและวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม เดินทางท่องเที่ยวเส้นทางขับรถทั่วโลกอย่างไรให้ปลอดภัย https://www.bbc.com/travel/article/20220124-driving-canadas-toughest-road […]
CHOQUEQUIRAO ที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่มั่นสุดท้ายที่ชาวอินคาอาศัยอยู่
ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โลกหรือไม่แต่แน่นอนว่าหนึ่งในชื่อของชนเผ่าที่คุณต้องเคยได้ยินผ่านหูมาก่อนอย่างแน่นอนก็คือชนเผ่าอินคานั่นเอง พวกเขามีวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมายแถมยังมีคำทำนายที่หลายคนเชื่อฝังใจอีกด้วย พวกเขาอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ยุคก่อนโคลัมบัส เป็นอาณาจักรที่มีอำนาจและเจริญรุ่งเรืองบริเวณที่ราบสูงในเปรูปัจจุบัน สถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนมักเดินทางไปคือมาชูปิกชู แต่ความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ซุกซ่อนอยู่ไม่ไกลอีกฟากของภูเขานั่นก็คือ CHOQUEQUIRAO มันคือฐานที่มั่นสุดท้ายที่ชนเผ่าอินคาอพยพมาอาศัยอยู่หลังถูกทางสเปนเข้าโจมตีก่อนที่จะแตกสลายไปในภายหลัง มันจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากแม้ว่าจะไม่ได้อลังการเท่ามาชูปิกชูก็ตาม แล้ววันนี้เราจะพาคุณไปท่องเที่ยวในสถานที่แห่งนี้กัน Choquequirao, Machu Picchu’s sister citadel CHOQUEQUIRAO แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาดหากเดินทางไปที่เปรู https://theculturetrip.com/south-america/peru/articles หากจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวต่างประเทศของคุณคือประเทศเปรู เราขอแนะนำว่าควรใส่ CHOQUEQUIRAO ลงไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณควรไปด้วย เพราะถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้มีความยิ่งใหญ่อลังการน่าสนใจเทียบเท่ากับมาชูปิกชู แต่มันก็มีความแปลกใหม่และน่าสนใจไม่แพ้กัน แถมยังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมากจนถึงขั้นที่มีการวางแผนสร้างเคเบิ้ลคาร์เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปได้อย่างจริงจังวันละ 5,000 คน สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นซากประหลักหักพังของเมืองที่ชนเผ่าอินคาย้ายมาอาศัยอยู่เป็นแหล่งสุดท้ายก่อนที่สเปนจะยกทัพมาบุกตีจนแตกสลายไป มันจึงเป็นไปด้วยอารยธรรมโบราณมากมายที่น่าสนใจและเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบการศึกษาประวัติศาสตร์ หากคุณชื่นชอบการเดินเขาอยู่แล้วก็สามารถปีนเขาขึ้นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวนี้ได้เช่นเดียวกัน แต่อาจต้องใช้เวลานานนับสัปดาห์ ดังนั้นเราจึงอยากจะแนะนำให้ลองท่องเที่ยวในรูปแบบเชิงธรรมชาติด้วยการตั้งแคมป์ดื่มไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจุดหมายก็เป็นการท่องเที่ยวที่ท้าทายไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะวิวทิวทัศน์ธรรมชาติในบริเวณนั้นก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน แต่หากคุณกังวลว่าจะเจออันตรายจากการเดินทางหรือการท่องเที่ยวในธรรมชาติหรือไม่ก็สามารถแจ้งบริษัทนำเที่ยวหรือบริษัททัวร์จัดทริปปีนเขาให้ก็ได้เช่นเดียวกัน สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดหากเดินทางไปท่องเที่ยวที่ CHOQUEQUIRAO https://www.ticketmachupicchu.com/choquequirao-trekking-inca-lost-city/ CHOQUEQUIRAO เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่จุดสำคัญอาจจะอยู่ที่ตัวเมืองที่ถูกทิ้งร้างของชนเผ่าอินคาก็จริง แต่ด้วยความที่ตั้งอยู่ในหุบเขาดังนั้นมันจึงถูกรายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม หากไปในช่วงฤดูฝนไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นทะเลหมอกกับตา แต่อีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากจะให้ทุกคนได้ลองไปสังเกตดูก็คือตัวลามะซึ่งเป็นรูปปั้นหินอยู่บริเวณด้านล่างของระเบียง เป็นสิ่งที่สามารถสื่อได้ดีหรือว่าในสมัยก่อนเคยมีสัตว์ชนิดดังกล่าวอาศัยอยู่บนเนินเขาบริเวณนี้ด้วย นับเป็น LANDMARK ที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด Link : https://www.ticketmachupicchu.com/choquequirao-trekking-inca-lost-city/ #CHOQUEQUIRAO #ที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ #จุดเช็คอินเปรู